Mea Culpa ทนายคดีฆ่า ปริศนาฆาตกรรมยั่วยิ้ม..ดั่งละครน้ำเน่าหลังข่าว

Mea Culpa ถ้าเป็นสักเมื่อช่วงทศวรรษก่อน ชื่อของนักสร้างหนังผิวสีคนดัง “ไทเลอร์ เพอร์รี” ก็คงจะเป็นหนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลที่มักจะสร้างสรรค์ผลงานออกมาได้ถึงแก่นถึงอารมณ์ในสังคมคนผิวสี แต่วันเวลาผ่านไป..ปฏิเสธไม่ได้ว่าชื่อเสียงของเขาก็ดร็อปลงไป และมันก็น่าจะเด่นชัดยิ่งขึ้นในผลงานล่าสุด “Mea Culpaทนายคดีฆ่า” มาในสไตล์สืบสวนสอบสวนไขปริศนา ผนวกกับแรงปารถนาแบบติดเรท ที่พอมาอยู่ในยุคหนังสตรีมมิงเกลื่อนเมืองขนาดนี้…มันอาจจะไม่ใช่ที่ของเขา

Mea Culpaว่าด้วยวังวนแสนเย้ายวนอันตรายของ มีอา ฮาร์เปอร์ ทนายความสาวที่ตัดสินใจรับงานว่าคดีความให้กับ ไซแอร์ มัลลอย จิตรกรหนุ่มที่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีฆาตกรรมที่ยังเต็มไปด้วยสำนวนและเบาะแสที่คลุมเครือ ในช่วงระหว่างที่เธอกำลังพิจารณาว่าลูกความเจ้าเล่ห์ทรงเสน่ห์ของเธอ เป็นคนร้ายหรือผู้บริสุทธิ์ เธอก็ได้พบว่ามีอะไรอย่างที่มีเงื่อนงำและอันตรายอยู่รายล้อมอยู่

Mea Culpaแนวทางการสร้างและนำเนินเรื่อง

ไทเลอร์ เพอร์รี ยังคงรับหน้าที่ทั้งกำกับและเขียนบทหนังเรื่องนี้ ที่ต้องบอกตรง ๆ เลยว่า..มันคงหมดยุคของเขาไปแล้วจริง ๆ เพราะผลลัพธ์ที่ออกมาใน Mea Culpaเรื่องนี้ก็คือความทะเยอะทะยานที่เละเทะและล้มเหลว ไม่ต่างกับพาคนดูย้อนกลับไปสู่วงการละครน้ำเน่าหลังข่าว หรือหนังฆาตกรรมเชย ๆ ในช่วงยุค 1990s หรือ 2000s ที่องค์ประกอบทุก ๆ อย่างแทบจะลดมาตรฐานลงไปสิ้นเชิง

Mea Culpaให้อารมณ์เป็นสไตล์หนังดรามาลึกลับที่สอดแทรกการดึงอารมณ์ชวนยั่วยวนและใส่สัญญาณประเด็นเรื่องเซ็กส์และผิดศีลธรรมเข้าไปแบบล้าสมัย ผนวกกับทิศทางของเรื่องและเอกลักษณ์แต่ละตัวละครก็ค่อนข้างเชยมาก ๆ ไม่ต่างอะไรกับการนั่งดูละครเลย ไม่น่าเชื่อว่านี่คือผลงานของหนังในนักสร้างที่เคยทำหนังออกมาได้คมคายกับสังคมคนผิวสีได้ปังสุด ๆ ในช่วงยุคหนึ่ง

บทหนังเรื่องนี้จัดได้ว่าบ้งสุด ๆ เพราะปูทางเหมือนจะค่อนข้างขึงขังจริงจัง แต่ยิ่งละเลงบทไปเรื่อย ๆ ก็ยิ่งไม่เข้าท่า กลายเป็นบทหนังที่เป็นการรีไซเคิลใหม่จากไอเดียของหนังเก่า ๆ ที่เคยสร้างออกมา อารมณ์เหมือนกับจับเอาหนังระทึกขวัญเห่ย ๆ Obsessed ที่ บียอนเซ่ เล่นไว้ในปี 2009 มาปรุงเข้ากับสืบสวนติดเรทในตำนาน Basic Instinct แต่ออกมาได้ห้วงอารมณ์ที่แสนเห่ยเกินจะรับไหว

Mea Culpa ความรู้สึกหลังได้รับชม

แล้วให้ตายเถอะ…นี่คือหนังรสชาติไม่อร่อยที่ปล่อยให้วาดลวดลายแบบชวนมองบนนานถึง 2 ชั่วโมง กลายเป็นประสบการณ์ดูหนังที่ค่อยข้างข่มขืนอยู่ไม่น้อย ซ้ำเติมเข้ากับงานสร้างและโปรดักชันต่าง ๆ ที่ปลอมมาก แบบชนิดที่มองลงมาจากดาวอังคารก็ยังรู้ว่าปลอม กลายเป็นหนังที่ขาดการเก็บรายละเอียดบางสิ่งบางอย่างไป แบบที่ไม่ควรจะตกหล่นอย่างน่าเสียดาย

แล้วยิ่งมาเจอกับทีมนักแสดงที่ชวนขนลุกทั้งทีม เพราะ Mea Culpaดูจะเป็นหนังที่คัดเลือกนักแสดงมาสวมบทบาทในแต่ละบทได้ไม่มีเสน่ห์เลยสักคนเดียว “เคลลี โรว์แลนด์” ควรกลับไปดีในการร้องเพลงอย่างเดียวจริง ๆ เพราะการแสดงด้วยสีหน้าตายด้านของเธอ ยิ่งทำให้หนังเรื่องนี้สยดสยองยิ่งขึ้น จังหวะการแสดงของเธอยังไม่ได้ แบกหนังทั้งเรื่องก็ไม่ไหว ท่วงท่าต่าง ๆ ในเรื่องนี้ไม่ต่างกับการการแสดงมิวสิควิดีโอเพลงของเธอเอง

ขณะที่ “เทรวานเท โร้ดส์” น่าจะจัดได้ว่าเป็นนักแสดงที่คงเส้นคงวาที่สุดในหนังแล้ว แม้ว่าบทบาทนี้ของเขาจะแสนเห่ยและดูออกได้ง่ายมาก ๆ เลยก็ตาม น่าเสียดายที่บทไม่ได้ส่งและไม่มีลู่ทางอะไรให้เขาได้พ่นไฟออกมาได้มากนัก ทำให้เขามีดีแค่การโปรยเสน่ห์ที่ทำได้ดี กับบั้นท้ายและหุ่นสุดแซ่บ ที่ต้องยกนิ้วให้เขาจริง ๆ

ส่วนนักแสดงสมทบคนอื่น ๆ อย่าง “เคอรี โอ’มัลลีย์”, “แชนนอน ธอนตัน”, “ชอว์น ซาการ์” หรือ “นิค ซาการ์” ให้ตายเถอะ การแสดงแบบเล่นใหญ่รัชดาลัยของพวกเขา ประหนึ่งกับถอดแบบออกจากละครทีวี มันค่อนข้างเกินเบอร์ไปหน่อย และตัวบทหนังก็ไม่ทำพวกเขากลายเป็นเพียงตัวประกอบที่ไม่มีคุณค่าใด ๆ ทั้งที่เป็นหนึ่งในคีย์หลักที่สำคัญของเรื่อง

ดังนั้นโดยสรุปแล้ว Mea Culpaก็เป็นเพียงหนังที่แทบไม่มีอะไรให้น่าจดจำเลย เพราะหนังไม่สามารถขยี้ประเด็นที่ต้องการสื่อสารออกมาได้อย่างคมคาย มันกลายเป็นความเละเทะและยุ่งเหยิงไปหมด ไม่ว่าจะเชิงสืบสวนซ่อนเงื่อน หรือเชิงโรแมนซ์อีโรติก หนังทำได้ไม่สุดสักทางเดียว กับไคลแม็กซ์สำคัญของเรื่อง ที่ต้องขยี้ตาว่า..แล้วฉุกคิดในใจว่า ‘หรือนี่ไคลแม็กซ์?’ เป็นหนังที่อยากจะร้องขอเลยว่า “เอา 2 ชั่วโมงของฉันคืนมา…พลีส”

เครดิตเว็บไซต์ UFARICH

อ่านบทความอื่นๆ ติดตามได้ที่ifunnyvideodownloader